ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

#นึกว่าบ้านร้าง กลุ่มเพื่อนชายเจอ3แม่ลูกถูกทอดทิ้ง บ้านโดนตัดไฟไร้เงินแม้แต่บาทเดียว อาศัยจุดเทียนที่ขอจากวัดนั่งเลี้ยงลูกในความมืด






***เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่มีคนแห่แชร์กันเป็นจำนวนมาก เมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สุรศักดิ์ ชูอ่อน ได้โพสต์เรื่องราวพร้อมระบุข้อความว่า...
--

--
1 นี่ถือเป็น #ครั้งแรก ของผมและเพื่อนๆ ได้พบเจอเรื่องราวอันน่าเศร้า และถือเป็นโอกาสดีที่จะตีแผ่และช่วยเหลือเรื่องราวของสามแม่ลูกครอบครัวหนึ่ง ..#สืบเนื่องจากโพสต์เมื่อวาน ที่มีคนขอรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือครอบครัวนี้อย่างมากมาย

2 เมื่อวานตอนเย็น มีเพื่อนผมคนหนึ่งได้เล่าเรื่องราวที่มันไปพบเจอมา #เรื่องมีอยู่ว่า ..ช่วงค่ำๆของเมื่อวาน มันขับไปซื้อของที่ตัว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระหว่างทางกลับได้พบเจอสามแม่ลูกยืนโบกมือขอความช่วยเหลืออยู่ริมถนน #มันคิดว่านั่นคือผีหรือคน เป็นมิจฉาชีพหรือผู้รอคอยความช่วยเหลือ จึงตัดสินใจจอดเพื่อไถ่ถามสถานการณ์

เพื่อนผมได้ไปส่งสามแม่ลูกนี้ ณ บ้านหลังหนึ่งซึ่งทางเปลี่ยวมาก ..ต่อมาได้ทราบว่า ผู้เป็นแม่ถูกแฟนทิ้งและต้องดูแลลูกทั้งสองตามลำพัง ณ บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของญาติแฟน ที่ไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีไฟฟ้า #ไม่มีแม้กระทั่งน้ำดื่มที่จะชงนมให้ลูกคนสุดท้องกิน มันจึงขับรถไปซื้อน้ำดื่มมา 2 ขวด เพื่อให้คุณแม่ชงนมให้ลูกน้อยกิน ซึ่งทั้งตัวมันก็มีอยู่แค่ 20 บาท กับรถมอเตอร์ไซต์ที่น้ำมันก็จวนจะหมด

3 เย็นของวันถัดมา มันก็เล่าให้ผมและพี่อีกคนหนึ่งฟัง ..ผมและพี่ชายก็ขับรถมอไซต์ซ้อนสามไปกับมัน เพื่ออยากรู้เรื่องเล่าว่าจริงไหม ครั้นพลบค่ำกับระยะทางประมาณ 15 กม. #สิ่งที่เราได้พบเจอ คือ บ้านร้างที่มืดสนิท พร้อมเสียงร้องของเด็กที่ก้องกังวาน จนเป็นที่มาของเรื่องนี้ที่มีความว่า

พี่เมย์ (วาสนา เดชสงคราม) อายุ 31 ปี ผู้เป็นแม่ กำลังนั่งอยู่ในความมืดมิดอันว่างเปล่า เพื่อดูแลลูกชายชื่อเต้าหู้ อายุ 5 ขวบ และลูกสาวชื่อเสาวรส อายุ 8 เดือน ที่เพิ่งหัดคลาน สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุด ก็คือ แสงเทียน 2-3 ดวง ที่ผู้เป็นแม่บอกว่า #ขอมาจากวัด

4 ต่อไปคือเรื่องเล่าจากปากของผู้เป็นแม่ เล่าให้เราฟังว่า..ตนเองเพิ่งเลิกกับสามีได้เดือนสองเดือน #โดนทอดทิ้งให้อยู่อย่างเดียวดายกับลูกน้อย อดมื้อกินมื้อ ลูกป่วยเพิ่งออกจากโรงพยาบาล พร้อมนมผง 1 กล่อง ที่พยาบาลเรี่ยไรเงินกันให้กลับมา สิ่งที่ผมเห็น มีแค่เสื้อผ้าเก่าๆ พร้อมเสื่อ/หมอนถ้าห่ม นอกจากนั้นไม่เห็นอะไรเลย

5 สิ่งที่ผมและเพื่อนๆทำ หลังจากนั้นเลย ก็คือการรวบรวมเงินจากพรรคพวก ได้เงินมาเกือบสองพันบาท #จึงวนกลับไปซื้อของกินของใช้จำเป็นเร่งด่วนให้ก่อน เช่น นมผงของน้องเสาวรส ขวดนม แป้ง แพมเพิร์ส(ใส่กลางคืนเพราะไม่มีไฟฟ้าเวลาน้องถ่ายหนัก) มาม่า ปลากระป๋อง และเครื่องทำครัวต่างๆนานา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงการช่วยเหลือชั่วคราว #ไม่รู้ว่าน้องจะกินจะอยู่ได้กี่วัน

6 สำหรับ #คนที่อยู่ใกล้ ต้องการส่งของไปช่วย สามารถเดินทางไปที่บ้านพี่เค้าได้เลย (โทรไปหาพี่เค้าโดยตรง จากเบอร์ติดต่อที่ทิ้งไว้ในโพสต์ก่อน) หรืออาจอินบ๊อกเข้ามาถามในกล่องแมสเซนเจอร์ของผมก็ได้ จะแชร์โลเกชั่นไปให้ แต่สำหรับ #คนที่อยู่ไกล ตอนนี้ยังไม่สามารถส่งของไปช่วยได้ เพราะที่เค้าอยู่บ้านร้างของญาติ ไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีไฟฟ้า แต่กำลังคิดอยู่ว่า อาจจะพาพี่เค้าไปเช่าบ้านถูกๆ ที่มีบ้านเลขที่ เพื่อทุกคนสามารถส่งของไปช่วยได้ ส่วนเรื่องเงินบริจาคที่จะช่วยเค้า #ตอนนี้ยังไม่สามารถโอนไปช่วยได้ เพราะไม่มีหมายเลขบัญชีธนาคาร แต่พรุ่งนี้ผมและเพื่อนๆจะพาพี่เค้าไปเปิดบัญชีช่วงบ่าย (เพราะช่วงเช้าผมติดงานทำบุญครบ 100 วันของคุณแม่ ที่เพิ่งเสียไป)

ปล. ผมอยากเน้นว่า ช่วยตามกำลังที่มีพอ ไม่ต้องมาก เดี๋ยวมันจะเป็นประเด็นที่จะพาไปสู่ความวุ่นวายทั้งทางสังคมและทางกฏหมาย แล้วผมจะแจ้งรายละเอียด พร้อมภาพถ่ายไปอีกครั้ง ใต้โพสต์นี้ ในตอนเย็นของวันพรุ่งนี้ (1 มี.ค. 62)

ทิ้งความสงสัยสุดท้ายไว้ก่อนนอน..ถ้าเมื่อวาน #ไม่มีใครจอดรถรับครอบครัวนี้ จะเกิดอะไรขึ้น สามแม่ลูกเดินเท้าในตอนดึก ด้วยระยะทางสิบกว่ากิโลเมตร / นอนริมศาลาข้างถนน / โดนมิจฉาชีพขโมยเด็ก / โดนรถชน / เจอคนเมาเหล้าเมายาข่มขืนทำร้าย เฮยยยยยย.. ไม่อยากคิด

ใช้เวลาพิมพ์และเรียบเรียงกว่า 2 ชั่วโมง ราตรีสวัสดิ์ 1 มี.ค. 62 04.04 น.

ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้ว ในการช่วยเหลือครอบครัวสามแม่ลูกนี้ ส่งไปให้แก่มารดาของข้าพเจ้า คุณแม่สุมิตรา นวลนาค ในวันทำบุญครบ 100 วัน ในครั้งนี้ด้วยเทอญ

#แก้ไขเพิ่มเติม
ผมได้ลองปรึกษาษาเพื่อนๆแล้ว ว่าอยากจะยื่นหนังสือร้องเรียน ไปยังศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง ใครพอช่วยเหลือ ประสานงาน หรือเดินเรื่องให้ได้ไหมครับ
--

--
ภาพจาก สุรศักดิ์ ชูอ่อน
--


ภาพจาก สุรศักดิ์ ชูอ่อน
--

--
ภาพจาก สุรศักดิ์ ชูอ่อน
--

--
ภาพจาก สุรศักดิ์ ชูอ่อน
--

--
ภาพจาก สุรศักดิ์ ชูอ่อน
--

--
ภาพจาก สุรศักดิ์ ชูอ่อน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เริ่มปุ๊บ ล่มปั๊บ! ‘เราไม่ทิ้งกัน ลงทะเบียนรับ 5,000

เว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนนั้น รัฐบาลระบุว่า ระบบสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 58,000 รายการในเวลาเดียวกัน หรือคิดเป็นจำนวน 3.48 ล้านคนต่อนาที โดยคาดว่าระบบจะสามารถรองรับจำนวนประชาชนที่ต้องการเข้ามาลงทะเบียนออนไลน์ได้แบบไร้กังวล แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น ผ่านไปไม่ถึงนาที ระบบก็ล่มแล้ว คาดว่าเพราะมีประชาชนแห่ลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก  สำหรับมาตรการรับเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะให้สิทธิ์เฉพาะคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้เท่านั้น คือผู้ลงทะเบียนต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ ให้เตรียมหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลประกอบอาชีพ ข้อมูลนายจ้าง

#ใหญ่แม่งงคับซอยนักเลงรถซิ่งบางพลี... (10'ก.พ.60)

Credit  @บอล นางแดด

แม่ใจสลาย ลูกไลฟ์สดผูกคอต่อหน้า ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเคอร์ฟิว

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. รับแจ้งจากชาวบ้าน บ้านสี่เหลี่ยม ต.สี่เหลี่ยม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ว่าเกิดเหตุสลดชายหนุ่มในหมู่บ้าน ซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ได้ถ่ายทอดสดหรือไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะกำลังจะผูกคอตัวเองภายในห้องพัก เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ซึ่งญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ที่เห็นไลฟ์ ต่างพยายามโทรและส่งข้อความเข้าไปปลอบใจ แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มคนดังกล่าวตัดสินใจใช้เชือกผูกคอตัวเองเสียชีวิตต่อหน้าญาติและเพื่อนๆ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต พบญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ เพื่อรอรับร่างนายเอกพงษ์ หรือเอก อายุ 32 ปี ที่ไลฟ์ผูกคอเสียชีวิต กลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว โดยเฉพาะนางเอียด รักษา อายุ 54 ปี ผู้เป็นแม่ ที่ทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเห็นลูกก่อเหตุต่อหน้า แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ไกล ทั้งนี้ทราบว่าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันที่ จ.ปทุมธานี ที่เห็นไลฟ์ก็พยายามโทรไปปลอบใจ แต่ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเลยเวลาเคอร์ฟิว เนื่องจากตอนเกิดเหตุก็ประมาณ 3 ทุ่มเศษแล้ว นางเอียด ก