ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ดีกว่านี้มีอีกไหม!! หนุ่มวัย 24 ทำงานหาเช้า กินค่ำ “เลี้ยงดูเมียรักพิการติดเตียง” ไม่เคยห่างนาน 4 ปีแล้ว!!






ดีกว่านี้มีอีกไหม!! หนุ่มวัย 24 ทำงานหาเช้า กินค่ำ “เลี้ยงดูเมียรักพิการติดเตียง” ไม่เคยห่างนาน 4 ปีแล้ว!!

 เป็นอีกเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นจริงที่ปราจีนบุรี หนุ่มอายุ 24 ปี แต่งงานกับภรรยาวัย 27 นาน 7 ปี เมื่อ 4 ปีก่อน ภรรยาป่วยเป็นโรคเกร็งชักนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้จนถึงตอนนี้ ด้านสามีหนุ่มก็ไม่เคยทอดทิ้ง ปล่อยให้ภรรยาต้องใช้ชีวิตที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เพียงลำพัง คอยให้กำลังใจกันและกันมาโดยตลอด ทั้งที่ความเป็นจริงเขายังหนุ่มและสามารถเลือกที่จะไปหาภรรยาใหม่ก็ยังได้ แต่ด้วยความรักและผูกพันที่มีให้กันภรรยาคนนี้ เขาจึงเลือกที่จะเสียสละและกล้าทำในสิ่งที่หลายคนต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันยิ่งใหญ่มากเพียงไร เราไปชมเรื่องราวความรักครั้งนี้ของพวกเขาทั้งคู่พร้อมกันได้เลยค่ะ



 หนุ่ม24รักรันทดดูแลภรรยารักที่เป็นคนไข้ติดเตียงกว่า 4 ปี ทั้งๆที่ไม่มีลูกด้วยกันแต่ก็ดูแลภรรยาที่ป่วยเป็นโรคเกร็งชักนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มิหนำไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง โดยอาศัยที่ของญาติแฟนได้ปลูกบ้านอยู่ ตัวเองมีอาชีพรับจ้างเป็นช่างเหล็ก ช่างก่อสร้างหรือรับจ้างรายวันทั่วไป โดยเวลาไปทำงานข้างนอกจะหาข้าวลาดแกงตามมีตามเกิดใส่จานไว้ข้างที่นอนภรรยารัก แล้วก็จะออกไปทำงาน เที่ยงจะกลับมาดูแลเมียที่บ้าน บางทีไปรับจ้างไกลบ้านจะไม่ได้กลับมาดูแล ภรรยาก็จะนอนอยู่ในมุ้งไม่มีใครมาดูแลทิ้งไว้ตามลำพัง ที่บ้านชำโสม ม.10 ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จากการสืบเสาะหาคนที่ดูแลเมียพิการมาขอศัยบ้านญาติอยู่ ผู้สื่อข่าวได้พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งโดยบังเอิญ ทราบว่าชื่อนายณัฐวุฒิ วิเศษธร อายุ 24 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้อาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่แต่ได้แยกออกมาอยู่กับแฟนชื่อน้องรินรัดดา อายุ 27 ปี น้องณัฐวุฒิหรือน้องบอยกับน้องรินรัดดา หรือเล็ก แต่งงานกันมา 7 ปี แต่ไม่มีลูกด้วยกันเมื่อ 4 ปีที่แล้วมาน้องบอยเล่าให้ฟังว่า วันนั้นแม่ของน้องเล็กเสียชีวิตลงตามพ่อไปติดๆกันทำให้ภรรยาเสียใจมากได้กรีดร้องออกมาสุดเสียง

หลังจากเสร็จสิ้นงานศพแม่แล้ววันรุ่งขึ้นน้องเล็กก็มีอาการเกร็งมือทั้งสองข้างงอเข้าหากัน และตัวอ่อนปวกเปียกกลายเป็นคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จากที่เป็นคนน่ารักและพูดเก่งกลายมาเป็นคนพูดไม่ได้ปากเบี้ยวเคยพาไปรักษาแต่ก็ไม่หาย บอยต้องรับภาระดูแลเมียรักเพียงลำพังมาตลอดด้วยความรักความผูกพัน สงสารเมียมากแต่ก็จนปัญญาที่จะพาเมียไปรักษาฐานะยากจนไม่มีเงินที่จะไปรักษาเมียให้หายเป็นปกติทำได้แค่ปรนนิบัติเมียทุกอย่างหาข้าวหาน้ำให้กินอาบน้ำอาบท่าให้



 ที่นอนก็มีแค่มุ้งเก่าๆเสื้อผ้าเก่าๆคนละไม่กี่ชุดพอมีเงินก็เจียดซื้อสังกะสีเสามาทำบ้านให้ภรรยาได้อยู่ ตนเองต้องออกไปรับจ้างทุกวันบางวันไม่มีงานรับจ้างก็ไปช่วยเพื่อนๆบ้านทำงานพอได้กับข้าวมาให้ภรรยากินมีอะไรก็กินเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ น้องบอยบอกว่าภรรยาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยได้แต่นอนอยู่เฉยๆ บอยหาข้าวหาน้ำไว้ให้กินตัวเองออกไปรับจ้างทำงานนอกบ้าน กว่าจะกลับมาดูแลเมียก็ห่วงมากเพราะเมียจะใช้มือป่ายไปมา โดยเฉพาะเปิดพัดลมทิ้งไว้ให้เมียทั้งวัน เกรงว่าสักวันเมียจะตะเกียดตะกายถูกพัดลงล้มลงไม่อยากคิดต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้น

น้องบอยบอกว่าถึงแม้ว่าภรรยาจะอยู่ในสภาพนี้แต่ตนก็ยังรักและสงสารอยู่เสมอไม่เคยรังเกียจไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งหรือหนีจากไป ถ้าหากตนเห็นแก่ตัวหนีไปภรรยาไปใครมามาดูแล ญาติทางภรรยาก็ต่างคนต่างอยู่ใครก็ไม่เหมือนผัวเมียที่รักและเข้าใจกันทุกวันนี้ได้แต่เฝ้าดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำไปตามเวรตามกรรม มองดูแววตากันก็รู้และเข้าใจว่าคิดอย่างไรตนพูดให้กำลังใจเมียรักทุกวันสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหนจนกว่าจะตายจากกันไป ทุกวันนี้ตนทำหน้าที่เหมือนกับพ่อแม่ในคนๆเดียว




 น้องบอยบอกกับตัวเองให้กำลังใจกันและกันมาโดยตลอด บ่อยครั้งแอบร้องไห้คนเดียวชาตินี้คงเป็นเวรกรรมของภรรยาให้กำลังใจภรรยาเสมอๆไม่เคยรังเกียจที่ภรรยาตกอยู่ในสภาพแบบนี้จะดูแลกันไปจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ทุกคนจะว่ายังไงไม่สนทั้งนั้นขออยู่แลเมียคนนี้จนกว่าจะตายจากกันไป ไม่เคยที่จะคิดว่านี่เป็นภาระหากแต่เป็นความรักความอาทรแก่กันมากกว่า ทุกวันนี้ได้แต่ภาวนาให้ภรรยาหายเป็นปกติแต่ก็ไม่รู้ว่าคำอธิฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิจะช่วยได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ตนเองต้องการแพมเพิตเพื่อมาไว้ภรรยาใช้ในชีวิตประจำวัน บ้านที่ปลูกอยู่ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำต้องขออาศัยบ้านน้าของภรรยาที่ปลูกอยู่ไปพรางๆก่อน

ด้านนางสงวน สิงห์ทนานนท์ น้าสาวของรินรัดดา กล่าวว่าหลานเขยดูเป็นคนดีมากขนาดเมียเป็นแบบนี้ยังไม่เคยรังเกียจทำทุกอย่างให้ด้วยความเต็มใจ คงจะรักกันมากผู้ชายบางคนหนีไปนานแล้วแต่ผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมากๆไม่เห็นแก่ตัว ครั้นจะหนีไปก็ได้ไม่มีใครบังคับไม่มีใครว่าแต่เขาไม่คิดที่จะหนีเอาตัวรอด ทั้งที่ตัวเองก็ยังหนุ่มยังแน่นเขาเลือกที่จะอยู่ดูแลเมียที่ป่วยจมปักอยู่กับเตียงแบบนี้หายากตนเองในฐานะเป็นน้าของน้องเล็กขอบใจมากที่ดูแลหลานสาวมาหลายปีแล้ว

ผู้ใจบุญที่อยากบริจาคแพมเพิตหรือเงินค่ารักษาน้องเล็กที่พิการนอนซมอยู่กับที่เชิญติดต่อสอบถามให้ความช่วยเหลือน้องณัฐวุฒิ วิเศษธร หมายเลขเบอร์โทรศัพท์ 098 912 9227
เครดิต : ทองสุข สิงห์พิมพ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี น.ส.พ.ไทยโปลิศ+



 แม้ว่าจะไม่ได้มีเงินทองมากมาย แต่ความรักของพวกเขาที่มีให้กันละกันนั้นมันช่างซาบซึ้ง ตรึงใจเสียจริง



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ตีแผ่ "โลก" โซเชียล

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เริ่มปุ๊บ ล่มปั๊บ! ‘เราไม่ทิ้งกัน ลงทะเบียนรับ 5,000

เว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนนั้น รัฐบาลระบุว่า ระบบสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 58,000 รายการในเวลาเดียวกัน หรือคิดเป็นจำนวน 3.48 ล้านคนต่อนาที โดยคาดว่าระบบจะสามารถรองรับจำนวนประชาชนที่ต้องการเข้ามาลงทะเบียนออนไลน์ได้แบบไร้กังวล แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น ผ่านไปไม่ถึงนาที ระบบก็ล่มแล้ว คาดว่าเพราะมีประชาชนแห่ลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก  สำหรับมาตรการรับเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะให้สิทธิ์เฉพาะคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้เท่านั้น คือผู้ลงทะเบียนต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ ให้เตรียมหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลประกอบอาชีพ ข้อมูลนายจ้าง

#ใหญ่แม่งงคับซอยนักเลงรถซิ่งบางพลี... (10'ก.พ.60)

Credit  @บอล นางแดด

แม่ใจสลาย ลูกไลฟ์สดผูกคอต่อหน้า ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเคอร์ฟิว

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. รับแจ้งจากชาวบ้าน บ้านสี่เหลี่ยม ต.สี่เหลี่ยม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ว่าเกิดเหตุสลดชายหนุ่มในหมู่บ้าน ซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ได้ถ่ายทอดสดหรือไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะกำลังจะผูกคอตัวเองภายในห้องพัก เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ซึ่งญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ที่เห็นไลฟ์ ต่างพยายามโทรและส่งข้อความเข้าไปปลอบใจ แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มคนดังกล่าวตัดสินใจใช้เชือกผูกคอตัวเองเสียชีวิตต่อหน้าญาติและเพื่อนๆ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต พบญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ เพื่อรอรับร่างนายเอกพงษ์ หรือเอก อายุ 32 ปี ที่ไลฟ์ผูกคอเสียชีวิต กลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว โดยเฉพาะนางเอียด รักษา อายุ 54 ปี ผู้เป็นแม่ ที่ทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเห็นลูกก่อเหตุต่อหน้า แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ไกล ทั้งนี้ทราบว่าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันที่ จ.ปทุมธานี ที่เห็นไลฟ์ก็พยายามโทรไปปลอบใจ แต่ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเลยเวลาเคอร์ฟิว เนื่องจากตอนเกิดเหตุก็ประมาณ 3 ทุ่มเศษแล้ว นางเอียด ก