ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ข่าวฆ่าหั่นศพที่อุดรฯ แยกชิ้นส่วนสยอง วงจรปิดพบภาพผู้ต้องสงสัย





ข่าวฆ่าหั่นศพที่อุดรฯ แยกชิ้นส่วนสยอง วงจรปิดพบภาพผู้ต้องสงสัย






พบชายถูกฆ่าหั่นศพสยอง ! แยกศพเป็น 5 ชิ้นยัดกระสอบ ล่าสุด ตำรวจอุดรธานีเปิดภาพวงจรปิดผู้ต้องสงสัยฆ่าหั่นศพยัดถุงปุ๋ย ย้ำหากพบชายลักษณะคล้ายในรูปให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

       วันที่ 15 กันยายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดอุดรธานีเกิดเหตุคนร้ายฆ่าหั่นศพ นายปัญญา ทองศรี อายุ 50 ปี ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน บ้านโนนสวรรค์ ต.เชียงยืน อ.เมือง และแยกชิ้นส่วนออกเป็น 5 ชิ้น ก่อนนำไปยัดใส่กระสอบและถังพลาสติก ในที่เกิดเหตุพบเขียงไม้และพลาสติกที่เต็มไปด้วยเลือด ใบตองที่ตัดวางไว้รองชิ้นส่วนของผู้ตาย ถังรองเลือด และมีดปลายแหลมยาว 50 เซนติเมตร โดยพบว่ารถจักรยานยนต์ของผู้ตายที่จอดไว้หายไป เจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี

       จากการสอบสวนเพื่อนของผู้ตายและผู้พบศพคนแรก ให้การว่า ได้มาหาผู้ตายตามปกติและเห็นผ้าห่มจัดวางคล้ายคนนอนอยู่ในมุ้งจึงร้องปลุก ให้ตื่นแต่ไม่มีเสียงตอบ ตนจึงเดินเข้าไปในครัวและพบชิ้นส่วนแขนขาวางอยู่ในถังพลาสติก เลยรีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้งตำรวจ

       ด้านน้องชายผู้ตาย ให้การว่า พี่ชายมีครอบครัวแล้ว แต่ภรรยาและลูกชาย 2 คนทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่วนพี่ชายนอนเฝ้าไร่อ้อยที่พ่อตาแบ่งที่ดินเป็นมรดกให้ภรรยาจำนวน 50 ไร่ เนื่องจากภรรยาและลูกของพี่ชายส่งเงินเลี้ยงดูพ่อตา จึงได้รับมรดกมากกว่าลูกเขยคนอื่น ๆ อีก 4 คน




ทั้งนี้ ช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา พี่ชายทะเลาะมีปากเสียงกับพ่อตาบ่อยครั้ง เหตุจากพ่อตาไม่พอใจที่ชอบพาเพื่อนมานั่งดื่มเหล้าที่บ้าน และไม่จริงจังกับการทำงาน รอใช้เงินที่ภรรยาและลูกส่งมาให้อย่างเดียว พี่ชายจึงแยกตัวออกมาอยู่ที่กระท่อมที่เกิดเหตุ อีกทั้งพี่ชายเคยบ่นให้ฟังเรื่องญาติภรรยาไม่พอใจที่ครอบครัวตนได้มรดกเยอะ กว่าญาติพี่น้องคนอื่นด้วย

       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดหรือญาติ โดยขณะก่อเหตุคนร้ายได้ใช้มีดฟันศีรษะด้านหลังของผู้ตายจนล้มลง แล้วฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนกะโหลกเปิด ก่อนหั่นศพผู้ตายเพื่อนำไปทิ้งอำพราง แต่คาดว่าน่าจะมีชาวบ้านผ่านไปมาแถวนี้ ทำให้คนร้ายทิ้งศพและขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป


       อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นการสังหารไว้ที่การขัดแย้งเรื่องมรดกของภรรยาผู้ตาย แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นการทะเลาะวิวาท หรือเรื่องธุรกิจมืดไป ทั้งนี้




















ที่มา http://hilight.kapook.com/view/142204

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เริ่มปุ๊บ ล่มปั๊บ! ‘เราไม่ทิ้งกัน ลงทะเบียนรับ 5,000

เว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนนั้น รัฐบาลระบุว่า ระบบสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 58,000 รายการในเวลาเดียวกัน หรือคิดเป็นจำนวน 3.48 ล้านคนต่อนาที โดยคาดว่าระบบจะสามารถรองรับจำนวนประชาชนที่ต้องการเข้ามาลงทะเบียนออนไลน์ได้แบบไร้กังวล แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น ผ่านไปไม่ถึงนาที ระบบก็ล่มแล้ว คาดว่าเพราะมีประชาชนแห่ลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก  สำหรับมาตรการรับเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะให้สิทธิ์เฉพาะคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้เท่านั้น คือผู้ลงทะเบียนต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ ให้เตรียมหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลประกอบอาชีพ ข้อมูลนายจ้าง

#ใหญ่แม่งงคับซอยนักเลงรถซิ่งบางพลี... (10'ก.พ.60)

Credit  @บอล นางแดด

แม่ใจสลาย ลูกไลฟ์สดผูกคอต่อหน้า ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเคอร์ฟิว

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. รับแจ้งจากชาวบ้าน บ้านสี่เหลี่ยม ต.สี่เหลี่ยม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ว่าเกิดเหตุสลดชายหนุ่มในหมู่บ้าน ซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ได้ถ่ายทอดสดหรือไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะกำลังจะผูกคอตัวเองภายในห้องพัก เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ซึ่งญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ที่เห็นไลฟ์ ต่างพยายามโทรและส่งข้อความเข้าไปปลอบใจ แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มคนดังกล่าวตัดสินใจใช้เชือกผูกคอตัวเองเสียชีวิตต่อหน้าญาติและเพื่อนๆ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต พบญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ เพื่อรอรับร่างนายเอกพงษ์ หรือเอก อายุ 32 ปี ที่ไลฟ์ผูกคอเสียชีวิต กลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว โดยเฉพาะนางเอียด รักษา อายุ 54 ปี ผู้เป็นแม่ ที่ทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเห็นลูกก่อเหตุต่อหน้า แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ไกล ทั้งนี้ทราบว่าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันที่ จ.ปทุมธานี ที่เห็นไลฟ์ก็พยายามโทรไปปลอบใจ แต่ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเลยเวลาเคอร์ฟิว เนื่องจากตอนเกิดเหตุก็ประมาณ 3 ทุ่มเศษแล้ว นางเอียด ก