ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ช็อก!! คนขับรถบัสโดยสารปรับอากาศ ร้อยเอ็ด – บุรีรัมย์ ฆ่าชิงทรัพย์ผู้โดยสาร







วันนี้ 28 สิงหาคม ความคืบหน้ากรณีคนขับรถโดยสารปรับอากาศ ป2 ของบริษัท ร้อยเอ็ดเฉลิมเกียรติสวัสดิ์ จำกัด สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ หมายเลขทะเบียน 10-4458 ร้อยเอ็ด หมายเลขข้างรถ 275-6 จอดติดหล่มอยู่บริเวณถนนระหว่างหมู่บ้านดงบากไปบ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย ซึ่งเป็นทางลูกรัง โดยภายในรถช่วงเบาะนั่งบริเวณที่นั่งแถวที่สอง มีคราบเลือดจำนวนมาก ใกล้กันซึ่งเป็นทุ่งนา ห่างไปประมาณ 20 เมตร พบผู้ถูกทำร้ายอาการสาหัส ทราบชื่อภายหลังคือ นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี ชาว อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ มีบาดแผลที่ใบหน้าและศรีษะ อาการสาหัส และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบพบว่า คนขับรถชื่อ นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 หมู่ 16 บ้านดงเค็ง ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ได้หายตัวไป

ต่อมา พ.ต.ท.บารมี วงษ์อินตา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางลูกรังระหว่างหมู่บ้าน ห่างจะถนนสายหลักประมาณ 5 กิโลเมตร บนรถพบค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ตกอยู่ และมีคราบเลือด โดยจากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า รถคันดังกล่าวขับเข้ามาจากปากทางบ้านหนองผือ ผ่านบ้านดงบาก มุ่งหน้าบ้านผ่านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งเส้นทางดังกล่าวไม่เคยมีรถบัสสัญจรผ่านมาเลย เพราะเป็นทางแคบ รถไม่สามารถสวนทางกันได้ เป็นทางที่ใช้ระหว่างหมู่บ้านเท่านั้น คาดว่าคนร้ายน่าจะทำร้ายผู้โดยสารมาจากที่อื่น แล้วเห็นว่าผู้บาดเจ็บน่าจะเสียชีวิตแล้ว เลยจะมาทิ้งศพ แต่ว่ารถมาติดหล่มเสียก่อน ต่อมามีวัยรุ่นในหมู่บ้านมาพบ จึงเข้าดูเหตุการณ์ คนขับรถจึงได้จ้างให้เด็กวัยรุ่นไปซื้อเหล้าขาวมาให้ จากนั้นจึงได้ลากผู้บาดเจ็บลงจากรถไปยังทุ่งนาข้าง ๆ เพื่อที่จะนำไปทิ้ง ก่อนที่เด็กวัยรุ่นจะนำเหล้าขาวมาส่งให้ ต่อมามีผู้ใหญ่มาพบและเห็นรอยลาก จึงได้เข้าสำรวจก่อนจะพบผู้บาดเจ็บและได้ทำการช่วยเหลือ แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ซึ่งจากการตรวจสอบพบบัตรประชาชนของคนขับรถ จึงได้นำรูปหน้าบัตรให้กับเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านดู ซึ่งก็ยืนยันว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน และจากการสอบทราบญาติของผู้ตายทราบว่าทรัพย์สินที่หายไปมีสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมือหนัก 1 บาท ส่วนแหวนทองคำและเงินสดอีก 27,000 บาทที่ผู้ตายซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้ายังคงอยู่ เบื้องต้นจะได้ดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับข้อหา ชิงทรัพย์ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต โดยจะเร่งติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ด้านนายสุพล บุญเกิด เจ้าของรถ เล่าว่า ได้รับแจ้งจากนายวัชรินทร์ว่าได้ส่งผู้โดยสารลงรถหมดที่จังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้ให้ตีรถเปล่ามาที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อที่จะรถเข้าคิวรถที่จะวิ่งรถในวันรุ่งขึ้น แต่ไม่รู้ว่ามีผู้โดยสารมาได้อย่างไร มารู้ข่าวอีกทีตอนมีคนโทรมาบอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุตกถนน ตอนแรกคิดว่าตกถนนสายหลัก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ปกติแล้วรถจะวิ่งระหว่างร้อยเอ็ด ผ่าน อ.วาปีปทุม อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ไปยัง อ.สตึก และจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งนายวัชรินทร์เมื่อก่อนก็เป็นเด็กรถ เติบโตมากับวงการรถ เป็นคนปกติ ไม่คิดว่าจะมาทำเรื่องแบบนี้ เมื่อคืนนี้ได้โทรศัพท์ไปหา ก็โทรติดแต่ไม่รับโทรศัพท์ แต่ขณะนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงจ้างรถแบ็คโฮมาช่วยเอารถขึ้น และได้นำรถไปไว้ที่ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบต่อไป

ขณะที่บรรยากาศงานศพของนางบุญเพ็ง ปัญโญ ญาติได้นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ อ.วาปีปทุม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศก มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาเคารพจำนวนมาก ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่น่าจะเสียชีวิตด้วยเหตุการณ์แบบนี้ หลายคนต่างสาปแช่งคนร้ายขอให้ตายตกไปตามกัน

นางสมพร ปัญโญ อายุ 39 ปี บุตรสาวของผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.59) เวลาประมาณ 13.30 น. น้าชายได้ไปส่งแม่ขึ้นรถที่บริเวณศาลาปากทางบ้านนาฝาย เพื่อที่จะเดินทางกลับบ้านที่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ภายหลังจากมาเยี่ยมพี่สาวของแม่ที่มีอาการป่วย ที่บ้านชาดใหญ่ ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จากนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. ได้โทรมาแม่อีกครั้งแต่ไม่สามารถติดต่อได้ เกิดเป็นห่วง จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามญาติที่จ.สุรินทร์ ว่าแม่เดินทางไปถึงหรือยัง แต่ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่ถึงบ้านที่สุรินทร์ จึงได้โทรหาแม่อีกครั้ง ซึ่งแม่รับโทรศัพท์ แล้วบอกว่า “ช่วยแม่ด้วย เค้าตีแม่ มันมัดแม่ไว้ มืดไปหมด แม่จะตายแล้ว” จากนั้นจึงได้โทรศัพท์หากำนัน และแจ้งตำรวจ เพื่อที่จะสกัดรถ แต่ก็ไม่ทันการณ์ ซึ่งระหว่างที่เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟัง นางสมพรก็ร้องไห้อย่างหนัก เป็นที่น่าเวทนาแกผู้พบเห็น

ด้านนายสมดี ชารีโย น้องชายของผู้ตายซึ่งได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย เล่าว่า หลังจากทราบว่าพี่สาวขึ้นรถโดยสารแล้วไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ลองโทรศัพท์หาพี่สาวตลอด ซึ่งสามารถโทรติดเวลา 17.00 น. ฟังเสียงพี่สาวที่พูดออกมาเหมือนว่าจะถูกทำร้ายแล้ว จึงได้ถามว่าขึ้นรถสายไหน พี่สาวบอกว่าขึ้นรถสายร้อยเอ็ด จากนั้นก็ได้ยินเสียงโอ๊ย แล้วสายก็ตัดไป ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย อยากให้จับคนร้ายได้เร็ว ๆ จับได้แล้วก็แล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ประหารได้เลยยิ่งดี ผู้หญิงคนเดียวโบกรถประจำทางยังไม่ปลอดภัย แล้วพี่น้องประชาชนต่อไปจะทำอย่างไร จะอาศัยเดินทางไปกับรถประจำทางพวกนี้ได้มั้ย

นางราตรี ชมวงศ์ น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า อย่างให้จับคนร้ายได้ไว ๆ อยากจะดูหน้าว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ทำไมใจร้าย ทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้









โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เริ่มปุ๊บ ล่มปั๊บ! ‘เราไม่ทิ้งกัน ลงทะเบียนรับ 5,000

เว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนนั้น รัฐบาลระบุว่า ระบบสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ถึง 58,000 รายการในเวลาเดียวกัน หรือคิดเป็นจำนวน 3.48 ล้านคนต่อนาที โดยคาดว่าระบบจะสามารถรองรับจำนวนประชาชนที่ต้องการเข้ามาลงทะเบียนออนไลน์ได้แบบไร้กังวล แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น ผ่านไปไม่ถึงนาที ระบบก็ล่มแล้ว คาดว่าเพราะมีประชาชนแห่ลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก  สำหรับมาตรการรับเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะให้สิทธิ์เฉพาะคนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้เท่านั้น คือผู้ลงทะเบียนต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม เป็นแรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ ให้เตรียมหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลประกอบอาชีพ ข้อมูลนายจ้าง

#ใหญ่แม่งงคับซอยนักเลงรถซิ่งบางพลี... (10'ก.พ.60)

Credit  @บอล นางแดด

แม่ใจสลาย ลูกไลฟ์สดผูกคอต่อหน้า ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเคอร์ฟิว

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. รับแจ้งจากชาวบ้าน บ้านสี่เหลี่ยม ต.สี่เหลี่ยม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ว่าเกิดเหตุสลดชายหนุ่มในหมู่บ้าน ซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ได้ถ่ายทอดสดหรือไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะกำลังจะผูกคอตัวเองภายในห้องพัก เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 24 เม.ย. ซึ่งญาติพี่น้อง และเพื่อนๆ ที่เห็นไลฟ์ ต่างพยายามโทรและส่งข้อความเข้าไปปลอบใจ แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มคนดังกล่าวตัดสินใจใช้เชือกผูกคอตัวเองเสียชีวิตต่อหน้าญาติและเพื่อนๆ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต พบญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ เพื่อรอรับร่างนายเอกพงษ์ หรือเอก อายุ 32 ปี ที่ไลฟ์ผูกคอเสียชีวิต กลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว โดยเฉพาะนางเอียด รักษา อายุ 54 ปี ผู้เป็นแม่ ที่ทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเห็นลูกก่อเหตุต่อหน้า แต่ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ไกล ทั้งนี้ทราบว่าเพื่อนที่ทำงานด้วยกันที่ จ.ปทุมธานี ที่เห็นไลฟ์ก็พยายามโทรไปปลอบใจ แต่ไม่กล้าออกไปช่วยเพราะกลัวเลยเวลาเคอร์ฟิว เนื่องจากตอนเกิดเหตุก็ประมาณ 3 ทุ่มเศษแล้ว นางเอียด ก